ทำไมต้องใช้คำว่า “สะละฟีย์” ใช้คำว่า “มุสลิม” มันไม่ดีกว่าเหรอ ?
.
นาย ก. : หากแยกคำว่า “ชาวสะละฟีย์” ออกไป และหันมาใช้คำว่า “ชาวมุสลิม” แทน แน่นอนว่ามันจะดีกว่า เพราะคุณลักษณะของมุสลิมนั้นย่อมดีกว่าคุณลักษณะของสะละฟีย์อยู่แล้ว !
.
ฉัน : มุสลิมนั้นไม่ได้เป็นสะละฟีย์กันทุกคน เพราะพวกบิดอะฮ์และกลุ่มหลงผิด หากว่าเขาไม่ได้ถูกตัดสินให้เป็นกาฟิร (ตักฟีร) ชื่ออิสลามก็ยังครอบคลุมไปถึงพวกเขาอยู่ แต่ทว่าชื่อสะละฟีย์นั้นไม่ครอบคลุมถึงพวกเขา และเป้าหมายของคำว่า “สะละฟีย์” นั้นคือ ผู้ที่มุ่งหมายจะเป็นคนที่จะเป็นเหมือนดั่งท่านเราะสูล ﷺ และบรรดาเศาะฮาบะฮ์ของท่าน ท่านเราะสูล ﷺ กล่าวว่า “และประชาชาติของฉันจะแตกออกเป็น 73 จำพวก ทุกกลุ่มล้วนแล้วแต่อยู่ในนรก เว้นแต่กลุ่มเดียวเท่านั้น” เศาะฮาบะฮ์ก็กล่าวขึ้นมาว่า “กลุ่มนั้นคือใครเหรอครับ ท่านเราะสูลุ้ลลอฮ์ ?” ท่านจึงกล่าวว่า “อัลญะมาอะฮ์” อีกสายรายงาน ท่านนบีกล่าวว่า “สิ่งที่ฉันและเศาะฮาบะฮ์ของฉันดำรงอยู่” หรือที่นบี ﷺ ได้กล่าวไว้ในทำนองเดียวกัน
.
หะดีษบทนี้ให้บทเรียนหลายเรื่องด้วยกัน
.
เรื่องที่ 1 : ประชาชาติของท่านเราะสูลุ้ลลอฮ์ ﷺ จะแตกออกเป็น 73 จำพวก
.
เรื่องที่ 2 : พวกที่แตกแยกและมีแต่ความย้อนแย้งนั้นคือกลุ่มที่จะกลับไปหากลุ่มที่ถูกขู่ว่าจะได้อยู่ในนรก
.
เรื่องที่ 3 : ตัวบทหลักฐานศาสนานั้นบ่งชี้ว่าคำพูดของท่านนบี ﷺ ที่ว่า “ทุกกลุ่มนั้นอยู่ในนรก” หมายถึง นี่คือการขู่และการลงโทษกลุ่มหลงผิดเมื่ออัลลอฮ์ประสงค์ที่จะลงโทษ และหากว่าพระองค์ไม่ประสงค์จะลงโทษมันก็อยู่ที่พระประสงค์ของพระองค์ หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะลงโทษ และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะอภัยโทษ เพราะมีคำดำรัสของอัลลอฮ์ ตะอาลา ที่ว่า
.
إِنَّ اللّهَ لاَ يَغْفِرُ أَن يُشْرَكَ بِهِ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَلِكَ لِمَن يَشَاءُ وَمَن يُشْرِكْ بِاللّهِ فَقَدِ افْتَرَى إِثْماً عَظِيماً
“แท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะไม่อภัยโทษกับการที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคีคู่กับพระองค์ และพระองค์จะทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากการตั้งภาคีสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์แล้วไซร้ แน่นอนเขาได้ก่อบาปกรรมอันใหญ่หลวงเสียแล้ว” (อันนิสาอ์ : 48)
.
เรื่องที่ 4 : กลุ่มชนที่รอดพ้น คือ กลุ่มที่บริสุทธ์และรอดพ้นจากคำขู่นี้
.
เรื่องที่ 5 : กลุ่มชนที่รอดพ้นและฏออิฟะฮ์ มันศูเราะฮ์นั้นคือกลุ่มที่ดำรงอยู่บนญะมาอะฮ์ของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ และเป็นกลุ่มเดียวกับที่ท่านนบี ﷺ และบรรดาเศาะฮาบะฮ์ดำรงอยู่
.
แนวทางของกลุ่มชนที่รอดพ้นนี้คือ เป้าหมายในคำพูดของอัลลอฮ์ ตะบารอกะ วะตะอาลา ที่ว่า
وَمَن يُشَاقِقِ الرَّسُولَ مِن بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُ الْهُدَى وَيَتَّبِعْ غَيْرَ سَبِيلِ الْمُؤْمِنِينَ نُوَلِّهِ مَا تَوَلَّى وَنُصْلِهِ جَهَنَّمَ وَسَاءتْ مَصِيراً
“ผู้ใดที่ฝ่าฝืนท่านเราะสูล หลังที่ทางนำได้มาประจักษ์แก่เขา และเขายังคงปฏิบัติตามหนทางที่ไม่ใช่หนทางของบรรดาผู้ศรัทธา เราก็จะทำให้เขาหันไปทางที่เขาได้หันมา และเราจะให้เขาเข้านรกญะฮันนัม และมันเป็นที่กลับอันน่าหดหู่ยิ่งนัก” (อันนิสาอ์ : 115)
กลุ่มและแนวทางนี้คือ แนวทางของบรรดาผู้ศรัทธา ฉะนั้น ผู้ใดที่ฝ่าฝืนท่านเราะสูล เขาย่อมไม่ได้เจริญรอยตามท่าน และแน่นอนว่าเขากำลังเจริญรอยตามหนทางที่นอกเหนือจากหนทางของผู้ศรัทธา
.
ด้วยเหตุนี้ผมจึงกล่าวว่า “ชาวสะละฟีย์” เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่ปฏิบัติตามอิสลามอันบริสุทธิ์ปราศจากบรรดาบิดอะฮ์และความหลงผิด กลุ่มเดียวที่ถูกสัญญาด้วยกับการรอดพ้น (จากไฟนรก) และความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ ตะอาลา และกลุ่มที่ขัดแย้งกับสะละฟีย์นั้นคือกลุ่มที่ถูกขู่ด้วยกับการการลงโทษของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา
.
ขออัลลอฮ์ทรงประทานความเตาฟีกให้แก่ผู้อ่านทุกท่านด้วยเถิด อามีน
ที่มา : บทความจากเพจเฟสบุ๊คของเชคมูฮัมหมัด อุมัร บาซมู๊ล